เดี๋ยวนี้ ใครๆก็เดินทางไป บาหลี ง่ายขึ้น เพราะการเดินทางจากประเทศไทยนั้นง่ายแสนง่าย แถมยังมีเที่ยวบินตรงไปถึง บาหลี อีก และค่าเงินก็ยังไม่แพงอีก รู้อย่างนี้ มีทัวร์มั้ย จะขอพาไป จุดเช็คอิน ต้องห้ามพลาด เมื่อไปถึง บาหลี เราจะได้ ไม่ต้องคิดว่า เอ้ไปไหนกันดีน้า มีทัวร์มั้ย คัดมาให้พี่ๆ เพื่อนๆแล้วค่ะ
ตั้งอยู่ทางใต้ห่างจากภูเขาไฟอากุงไป 12 กิโลเมตร เป็นอดีตพระราชวังที่สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1946 โดยทายาทแห่งอาณาจักรการังงาเซ็มในอดีต แต่การระเบิดของภูเขาไฟอากุงในปีค.ศ. 1963 ได้ทำลายพระราชวังไปเกือบหมดสิ้น และมีการฟื้นฟูอย่างหนักหลังจากนั้น เมื่อเข้าไปภายในพระราชวัง คุณก็จะได้เจอกับสวนสวยงาม น้ำพุ และบ่อน้ำในบรรยากาศร่มรื่น พร้อมหินแกะสลักและรูปปั้น ในบริเวณสวนมีสนามหญ้าตกแต่งอย่างดีเหมาะแก่การเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจ และมีบรรยากาศสไตล์บาหลียุคเก่าอย่างแท้จริง ไม่ไกลจากพระราชวัง คุณยังสามารถเดินไปดูนาข้าวเขียวขจีซึ่งมองเห็นวิวภูเขาไฟอากุงอยู่ไกลๆ พลางดื่มด่ำบรรยากาศแบบชนบทสไตล์บาหลีไปพร้อมๆ กันได้ด้วย
หนึ่งในเจ็ดวัดริมทะเลบนเกาะบาหลี ซึ่งแต่ละวัดอยู่ในระยะมองเห็นซึ่งกันและกันตามแนวชายฝั่งทะเลของเกาะ วัดฮินดูแห่งนี้ตั้งอยู่บนโขดหินบนมหาสมุทรอินเดีย สร้างโดยนักบวชชาวฮินดูที่ชื่อว่านิราร์ธาร์ เพราะท่านเชื่อว่าสถานที่ตรงนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับบูชาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลบาหลี ท่านจึงบอกให้ชาวประมงสร้างวัดไว้บนโขดหิน นอกจากเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของบาหลีแล้ว วัดทานาห์ล็อทยังมีวิวหลักล้านริมทะเลที่เรียกได้ว่าอลังการสุดๆ จึงมีนักท่องเที่ยวและช่างภาพมากมายมาเยือนไม่ขาดสาย แม้คนจะเยอะหน่อย แต่รับรองว่าวิวที่คุณจะได้เห็นนั้นคุ้มค่าแน่นอน
3. ชมระบำไฟพร้อมชมพระอาทิตย์ตกที่ “วัดอูลูวาตู”
เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คยอดนิยมอันดับต้นๆ ของเกาะบาหลี ตั้งอยู่บนริมหน้าผาสูง 70 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล วัดศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดูแห่งนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 10 ซึ่งเชื่อกันว่าสร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล นักท่องเที่ยวส่วนมากไม่เพียงมาชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมในวัด แต่ยังมาชมการแสดงระบำไฟพื้นเมืองเคชัคซึ่งมีให้ชมทุกวันพร้อมฉากหลังเป็นวิวพระอาทิตย์ตกยามเย็นที่มองเห็นมหาสมุทรอินเดียสุดลูกหูลูกตา ถือเป็นวิวที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามอลังการไม่แพ้ที่ใดบนเกาะบาหลี อีกสิ่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อไม่แพ้กันก็คือบรรดาฝูงลิงหลายร้อยตัวที่อาศัยอยู่ในบริเวณวัด ดังนั้นใครจะไปที่วัดนี้ก็ขอให้เก็บของของตัวเองให้ดี เพราะว่ากันว่าฝูงลิงพวกนี้มีทักษะการขโมยของชั้นยอดทีเดียว
4. ศึกษาประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ที่ “ถ้ำช้าง”
แม้จะชื่อถ้ำช้าง แต่อย่าแปลกใจหากคุณไม่เจอช้างสักตัวอยู่ที่นั่น! ถ้ำช้างแห่งนี้คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาฮินดู ซึ่งเชื่อกันว่าสร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 9 ถ้ำนี้ถูกค้นพบโดยนักโบราณคดีชาวดัตช์ในปีค.ศ. 1923 แต่น้ำพุและบ่อน้ำถูกค้นพบในปีค.ศ. 1954 จุดเด่นของสถานที่แห่งนี้คือปากทางเข้าถ้ำที่มีการแกะสลักหินงดงามอลังการเป็นรูปอสูรกายขนาดใหญ่ที่ว่ากันว่าคล้ายกับใบหน้าของช้าง เมื่อคุณเข้าไปในถ้ำก็จะเจอกับศิวลึงค์ที่เป็นสัญลักษณ์ของพระศิวะ และรูปปั้นพระพิฆเนศอยู่ด้านใน ส่วนบ่อน้ำด้านนอกคุณจะเห็นรูปปั้นเทพีฮินดูถือแจกันซึ่งมีน้ำไหลออกมาลงบ่อ โดยเชื่อกันว่าสร้างขึ้นเพื่อไล่วิญญาณชั่วร้าย ถัดไปทางทิศใต้ของถ้ำช้าง คุณสามารถเดินไปชมวิวนาขั้นบันไดสวยๆ และลำธารเล็กๆ ที่ไหลไปสู่แม่น้ำเปตานูได้ ใครอยากไปชมความอลังการของหินแกะสลัก ก็แวะมาที่นี่ได้ทุกวันตั้งแต่เวลาแปดโมงเช้าถึงสี่โมงเย็น
5. ชมพิธีอาบน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ที่ “วัดตีร์ตา เอมปุล”
เป็นวัดสำคัญแห่งหนึ่งบนเกาะบาหลี วัดฮินดูแห่งนี้สร้างขึ้นประมาณค.ศ. 962 เพื่อบูชาพระวิษณุ โดยสร้างขึ้นใกล้กับตาน้ำพุซึ่งเชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์และชาวฮินดูจำนวนมากจะมาอาบน้ำที่นี่เพื่อชำระร่างกายให้บริสุทธิ์ วัดนี้แบ่งออกเป็นชั้นนอก ชั้นกลาง และชั้นใน โดยจุดที่ผู้แสวงบุญและนักท่องเที่ยวเข้าไปอาบน้ำชำระร่างกายให้บริสุทธิ์เรียกว่า Jaba Tengah ซึ่งบริเวณนี้จะมีบ่ออาบน้ำพุศักดิ์สิทธิ์และมีท่อน้ำเรียงรายต่อกัน 30 จุดไว้สำหรับการอาบน้ำของผู้มาแสวงบุญ ถัดไปจากบริเวณนี้เรียกว่า Jeroan ซึ่งเป็นบริเวณที่ผู้คนจะมาสวดสักการะขอพร นอกจากนี้ยังมีบ่อปลาคาร์ปขนาดใหญ่ให้นักท่องเที่ยวนั่งชมผ่อนคลายอีกด้วย หากคุณเดินขึ้นไปบนเนินเขาอีกนิด ก็จะเจอกับบ้านพักตากอากาศอันหรูหราของประธานาธิบดีซูการ์โนซึ่งสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1954 และเมื่อมองลงมาจากบนนั้นก็จะเห็นวิวอันสวยงามของวัดแห่งนี้
ขอขอบคุณ https://www.agoda.com/th-th/travel-guides/indonesia/bali