เกาะเดจิมะ (出島 / Dejima) เป็นจุดท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดในนางาซากิ เป็นสถานที่เพียงแห่งเดียวที่มีการค้าขายแลกเปลี่ยนกับชาติตะวันตกในยุคที่ญี่ปุ่นปิดประเทศไม่ค้าขายกับต่างชาติ ปัจจุบันเนื่องจากอาคารบางส่วน ณ เวลานั้นได้รับการบูรณะและอนุรักษ์ให้คงสภาพเดิมไว้ นักท่องเที่ยวหลายคนจึงเข้ามาเยี่ยมชมในฐานะจุดที่สามารถย้อนเวลาไปยังช่วงสมัยเอโดะได้กันค่ะ
ในปีค.ศ. 1636 (ปีคันเอ 寛永 ที่ 13) รัฐบาลผู้สำเร็จราชการนำโดยโชกุนได้มีคำสั่งให้ถมทะเลทำเกาะเดจิมะขึ้นที่ปลายแหลมที่ยื่นไปในทะเลเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของศาสนาคริสต์ในญี่ปุ่นโดยชาวโปรตุเกสและเพื่อเป็นการสอดส่องการค้าขาย จึงเกิดเกาะเทียมที่มนุษย์สร้างขึ้นและชาวโปรตุเกสก็ได้ถูกกันให้ไปอาศัยอยู่ที่นั่น เกาะเดจิมะมีรูปร่างเหมือนพัดแบบพับ มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 15,000 ตารางเมตร หรือประมาณหนึ่งในสามของโตเกียวโดมซึ่งเป็นอาคารสามารถจุคนได้มากที่สุดในญี่ปุ่น หลังจากนั้น หอการค้าของชาวดัตช์ซึ่งเคยตั้งอยู่ที่ฮิราโดะก็ถูกย้ายไปที่เกาะเดจิมะในปี 1641 (ปีคันเอที่ 18) และกลายเป็นสถานที่เพียงแห่งเดียวที่สามารถทำธุรกิจค้าขายกับประเทศตะวันตกได้เป็นเวลาประมาณ 200 ปีจนกระทั่งปี 1859 (ปีอันเซ 安政 ที่ 6) วัฒนธรรมต่างประเทศได้เข้ามาในญี่ปุ่นผ่านทางเกาะเดจิมะ ในการค้าขายกับทางเนเธอร์แลนด์นั้น ผ้าขนสัตว์ น้ำตาล ลูกปัดและผลิตภัณฑ์แก้วอื่นๆถูกนำเข้ามาขายในประเทศญี่ปุ่น ส่วนของที่ญี่ปุ่นส่งออกนั้นก็มีเครื่องโลหะจำพวกเงิน ทอง ทองแดงและเครื่องเซรามิกส์ค่ะ
เพื่อรักษาคุณค่าทางประวัติศาสตร์เหล่านี้ โครงการเพื่อฟื้นฟูเกาะเดจิมะแบบสมัยต้นศตวรรษที่ 19 ก็กำลังดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง เมื่อวันที่มิถุนายน พ.ศ. 2562 (2019) อาคารทั้งหมด 16 หลัง รวมไปถึงห้องกัปปิตัน (カピタン部屋 / Kapitan Room) ก็ได้รับการบูรณะ และในเวลาเดียวกันสะพานประตูหน้าเกาะเดจิมะ (出島表門橋 / Dejima Omote Mon-bashi) ซึ่งเป็นทางเข้าสู่เกาะเดจิมะ ก็แล้วเสร็จ จึงสามารถเดินทางข้ามผิวน้ำไปยังเกาะเดจิมะได้โดยไม่จำเป็นต้องลงเรือไปแล้ว
จากอาคารทั้ง 16 หลังที่ได้รับการบูรณะ ที่ห้ามพลาดชมก็คือ "ห้องกัปปิตัน" กัปปิตัน (Kapitan) เป็นภาษาโปรตุเกส แปลว่า "ผู้จัดการหอการค้า" (หัวหน้าพ่อค้า) และใช้เป็นสำนักงานหรือที่อยู่อาศัยของหัวหน้าพ่อค้าและเป็นอาคารที่ใหญ่ที่สุดในเกาะเดจิมะ มีรูปแบบผสมผสานระหว่างสไตล์ญี่ปุ่นและตะวันตกโดยมีการจัดวางใช้เฟอร์นิเจอร์แบบตะวันตกบนเสื่อทาทามิแบบญี่ปุ่น มีการจำลองอาหารพิเศษสำหรับทานในวันคริสต์มาสในสมัยขึ้นบนโต๊ะอาหารด้วยค่ะ เนื่องจากญี่ปุ่นในสมัยนั้นทานอาหารกันด้วยตะเกียบ จึงสันนิษฐานได้ว่าสไตล์การทานอาหารล้อมโต๊ะแบบนี้จึงเป็นสิ่งที่แปลกตาน่าประหลาดใจในสมัยนั้นกันค่ะ นอกจากนี้ยังมีอาคารอื่นๆ อีกมากมายที่สามารถพาคุณย้อนกลับไปในอดีตได้ เช่น "อิจิบันโค" (一番蔵 / Ichibanko โรงเก็บสินค้าหมายเลขหนึ่ง) ซึ่งเคยเก็บน้ำตาลที่นำเข้า "เรียวริเฮยะ" (料理部屋 / Ryori Heya แปลตามตัวคือ ห้องอาหาร) ที่ทำอาหารไปเสิร์ฟให้ห้องกัปปิตัน และอาคารอื่นๆอีกมากมาย
หากใครที่มองโปรแกรมการท่องเที่ยวนางาซากิไว้แต่ยังไม่รู้จะเดินทางยังไง สอบถามเรา มีทัวร์มั้ยได้น้า รับรองว่าจะพาไปชมนางาซากิให้จุใจ
ติดตามพวกเรามีทัวร์มั้ยแบบใกล้ชิดกว่าใครได้ที่