เป็นประจำทุกปีที่คนหลายล้านคนอาจเดินทางมา เที่ยวนิกโก้ (Nikko) เพื่อชมมรดกโลกอันทรงคุณค่า บ้างก็ตั้งใจเอาไว้ว่าอยากไปสูดอากาศบริสุทธิ์ เสพธรรมชาติให้เต็มปอด แต่สำหรับคนรักการกินอย่างฉันแล้ว เรื่องของอร่อยขึ้นชื่อในแต่ละย่านนั้นสำคัญ เพราะอาหารก็เป็นอีกหนึ่งหนทางในเรียนรู้วัฒนธรรมได้เช่นเดียวกัน
ไม่ใช่ว่าจะไม่ไปเที่ยวสถานที่สำคัญของนิกโก้สักหน่อย เพียงแค่ถ้าปล่อยให้ท้องหิว ก็คงไม่มีแรงเดินเที่ยวแน่ๆ ทริปนี้จึงค่อนไปทางเรื่องกินซะส่วนใหญ่ เพราะถือคติที่ว่า Travel Hard, Eat Harder
และคนส่วนใหญ่คงจะทราบดีอยู่แล้วว่าเมืองนิกโก้ตั้งอยู่ในจังหวัดโทชิกิ แบ่งออกเป็น 2 พื้นที่หลัก ได้แก่ โซนธรรมชาติ และ โซนมรดกโลก แต่เนื่องด้วยเวลาที่มีจำกัด เราจึงเลือกไปเพียงโซนมรดกโลกที่อยู่ใกล้และใช้เวลาเดินทางน้อยกว่า เหมาะสำหรับแพลน 1 วันชิลล์ๆ แต่เพลินใจและรับรองว่าเพลินพุงด้วย
เพิ่มเติมอีกนิด มีพาสสำหรับ เที่ยวนิกโก้ โดยเฉพาะที่สามารถใช้ขึ้นรถไฟและรถบัสได้ฟรี ทั้งยังมีส่วนลดค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ แต่เพราะนี่เป็นทริปเน้นกิน เดินเข้าร้านนู้น ออกร้านนี้ เราจึงไม่ค่อยได้ใช้บริการรถสาธารณะ
ราว 50 นาทีโดยชินคันเซ็นมาลงที่สถานีอุตสึโนมิยะ (Utsunomiya Station) และอีกประมาณ 40 นาทีโดยรถไฟท้องถิ่น เราก็เดินทางมาถึงสถานีนิกโก้ (Nikko Station) สถานที่ในโซนมรดกโลกส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่ในที่เดียว จากตรงนี้แนะนำให้ขึ้นบัสไปลงที่ใดที่หนึ่งก่อน แล้วค่อยเดินต่อ ส่วนตัวเรานั่งมาลงป้ายสะพาน Shinkyo สำหรับการขึ้นบัสถ้ามีพาสก็แสดงให้พนักงานขับรถ แต่หากไม่มีก็ใช้บัตร Suica ได้เช่นกัน เตรียมตัวพร้อมแล้วก็ไป เที่ยวนิกโก้ กันเลย!
สะพานสีแดงสดพาดข้ามแม่น้ำไดยะที่ตั้งอยู่ตรงสามแยกไฟแดง สำหรับเราที่นี่เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของคนที่สำรวจโซนมรดกโลก ในอดีตสะพานนี้เปิดใช้เฉพาะเจ้านายชั้นสูงเท่านั้น แต่ปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวและคนทั่วไปเข้าชมด้านใน มาทั้งทีก็ขอลองเดินสะพานที่ติดท็อปทรีสะพานที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นจนได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกสักครั้ง โดยต้องเสียค่าเข้า 500 เยน
เดินจากสะพานมาเล็กน้อยจะพบกับร้าน Nikko Pudding Tei จำหน่ายพุดดิ้งรสชาติละมุน ในบรรยากาศย้อนยุคที่ตัวร้านถูกปรับมาจากบ้านไม้หลังเก่าในสมัยก่อน วัตถุดิบหลักของตัวพุดดิ้งเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นของนิกโก้เอง อาทิ นม ไข่ไก่ ซอสถั่วเหลือง ฯลฯ นอกจากนี้ยังถูกปรับให้มีหลากรสชาติ อาทิ กาแฟ สตรอว์เบอร์รี และมีเมนูพิเศษอย่าง “พุดดิ้งซอฟต์ครีม” พุดดิ้งรสคลาสสิกท็อปมาด้วยซอฟต์ครีมนมเนื้อเนียน กินคู่กันแล้วเติมเต็มท้องส่วนของหวานได้เป็นอย่างดี ซึ่งเมนูนี้จะจำหน่ายหน้าร้านเท่านั้น
เดินเลยสะพานชินเคียวและข้ามถนนไปจะพบกับโซน World Heritage เพราะวัดและศาลเจ้าในละแวกนี้ล้วนถูกได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้และมีให้เดินชมหลายแห่งมาก เดินตามทางมาเรื่อยๆ จะเห็นวัดรินโนจิ (Rinnoji Temple) วัดพุทธหนึ่งเดียวของโซนนี้เป็นแห่งแรก วันที่เราไปก็บังเอิญเจองาน Tochigi Coffee Festival บริเวณลานด้านหน้าวัดพอดี เลยได้ชิมกาแฟดังจากหลายๆ ร้านเลย
จากนั้นก็เดินชมสถานที่สำคัญของรินโนจิก็คืออาคารซันบุตสึโด (Sanbutsudo) ซึ่งภายในประดิษฐานพระพุทธรูปแกะสลัก, พระพุทธรูปพันมือ (Senju Kannon), พระพุทธรูปที่มีหัวม้าบนศีรษะ (Bato Kannon) ฯลฯ
เดินเลาะตามทางที่ถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่มาเรื่อยๆ จะพบเจดีย์แดง 5 ชั้น (Five-Storied Pagoda) สูง 634 เมตร (ว่ากันว่าสูงเท่าโตเกียวสกายทรีเชียวนะ) ซึ่งเป็นทางเข้าศาลเจ้าโทโชกุ (Toshoku Shrine) พอดี ถือเป็นอีกไฮไลท์ที่คนชอบแวะมาถ่ายรูป เดินจากตรงนี้ไปอีกหน่อย ผ่านซุ้มประตูสีแดงจะเจอศาลเจ้าฟุทาระซัง (Futarasan Shrine) ศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดในโซนนี้ สร้างขึ้นโดยโชโด โชนิน (Shodo Shonin) พระสงฆ์ที่เป็นผู้นำศาสนาพุทธเข้ามาในเมืองนิกโก้และเป็นผู้ก่อตั้งวัดรินโนจิ คนโสด! อย่าลืมขอพร เพราะศาลเจ้าฟุทาระซังขึ้นชื่อในเรื่องโชคลาภและความรัก
คาเฟ่ไม้บรรยากาศอบอุ่น ที่ชูโรงด้วยกาแฟหอมกรุ่นคั่วเอง มีทั้งหมด 5 สาขา ซึ่งแต่ละสาขาล้วนอยู่ในจังหวัดโทชิกิ นอกจากเมนูกาแฟก็ยังมีอาหารคาวหนักท้องและของหวานตบท้ายมื้ออาหารให้เลือกสั่งด้วย เราสั่งคากิโกริ (น้ำแข็งไสญี่ปุ่น) มาเพราะทางร้านแนะนำว่าตัวน้ำแข็งทำจากน้ำแร่ธรรมชาติจากเขานิกโก้ ท็อปด้วยซอสสตรอว์เบอร์รีแท้จากโทชิกิ หวานฉ่ำเย็นชื่นใจดีจริง
ด้วยความที่นิกโก้เป็นเมืองอากาศดี เราจึงอยากเดินเล่นเลียบริมน้ำที่กำลังไหลเอื่อยๆ มากกว่าการที่จะไปอึดอัดอยู่บนรถบัส เรามาเรื่อยๆ จนถึงบริเวณสะพานชินเคียว แถวนี้มีร้านขนม ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึกให้เลือกเดินชมมากมาย แต่ใจเราปักหลักไปที่ซอฟต์ครีมนมเลมอน เพราะเห็นมีจำหน่ายแทบทุกร้าน รสชาติกำลังดี กลิ่นหอม และไม่ได้เปรี้ยวมาก อาจเพราะมีส่วนผสมของนมที่ทำให้กลมกล่อมขึ้น
จากนั้นเราก็นั่งบัสฝั่งตรงข้ามสะพานชินเคียวไปลงที่ป้ายหน้าสถานีรถไฟโทบุนิกโก้ (Tobu Nikko Station) เพราะตั้งใจแวะมากินของขึ้นชื่อของนิกโก้ซึ่งก็คือ ฟองเต้าหู้ (Yuba) ถูกนำมาสร้างสรรค์เป็นหลากหลายเมนู เช่น “ยูบะโซบะ” หรือโซบะที่ท็อปด้วยฟองเต้าหู้แผ่นหนา ส่วนตัวเราชอบอาหารจำพวกเต้าหู้อยู่แล้วก็เลยชอบมาก มีหลากหลายร้านให้เลือกลองชิม ถูกใจร้านไหนก็ลองเดินเข้าสักร้าน แต่แนะนำเลยว่าต้องลอง
กินคาวแล้วขอตบท้ายด้วยของหวานอีกที ยูบะมันจู (Yuba Manju) หรือซาลาเปาฟองเต้าหู้ทอดชื่อดังของร้านซากาเอยะที่อยู่ใกล้ๆ กับสถานีโทบุนิกโก้ ร้านเล็กๆ ไม่ได้ตกแต่งหวือหวาอะไร แต่หาไม่ยากด้วยจำนวนลูกค้าที่ยืนต่อคิวรอยาวเหยียด ใช่! เราเป็นหนึ่งในคิวนั้น ซาลาเปาสอดไส้ถั่วแดงทอดออกมาได้กรอบพอดี โรยเกลือนิดๆ ด้านบน ตัดกับความหวานของถั่วแดงได้เป็นรสชาติหวานมันพอดี มาเที่ยวนิกโก้เมื่อไร ต้องไปกินให้ได้นะ
หากใครที่มองโปรแกรมการท่องเที่ยวญี่ปุ่นไว้แต่ยังไม่รู้จะเดินทางยังไง สอบถามเรา มีทัวร์มั้ยได้น้า รับรองว่าจะพาไปชมญี่ปุ่นให้จุใจ
ติดตามพวกเรามีทัวร์มั้ยแบบใกล้ชิดกว่าใครได้ที่