มีทัวร์มั้ยเปิดแผนที่เที่ยวไทย ตะลอนไป 7 เมืองรอง ครบ 4 ภาค ทั่วไทย
เริ่มกันก่อนเลยที่ภาคเหนือที่จังหวัดนี้กันเลย
ลำปางเป็นจังหวัดเมืองรองที่อยู่ติดกับจังหวัดเชียงใหม่ เดินทางสะดวก และยังถือเป็นจังหวัดหนึ่งที่โดดเด่นเรื่องวัดมาก เพราะลำปางเป็นเมืองรองที่มีวัดศิลปะแบบพม่ามากที่สุดในประเทศไทยเลย เช่น วัดพระธาตุดอยพระฌาณ และ วัดศรีชุม ซึ่งเราสามารถสังเกตได้จากรูปแบบสถาปัตยกรรมและพระพุทธรูปที่ถอดแบบพม่าฉบับมัณฑะเลย์มาเต็มๆ
ใครมาที่นี่ก็ห้ามพลาดการนั่งรถม้าชมเมืองเด็ดขาด! ไม่ได้นั่งก็เหมือนมาไม่ถึงลำปางเลยแหละ เส้นทางนั่งรถม้าจะแบ่งเป็น 2 เส้นทางหลัก คือ เส้นรอบเมืองเล็ก (150 บาท) และ เส้นรอบเมืองใหญ่ (200 บาท) รถม้าไม่ใหญ่มากนั่งได้ประมาณ 1-3 คนก็เต็มแล้ว เนื่องจากลำปางเป็นเมืองไม่ใหญ่มาก ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็ครบรอบแล้วล่ะ
นอกจากจะเป็นเมืองรถม้าแล้ว ที่นี่ก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็น ‘เมืองไก่’ อีกด้วย เพราะว่ามีตำนานพื้นเมืองบางฉบับเรียกชื่อเมืองลำปางว่า “กุกกุฎนคร” ซึ่งก็แปลได้ว่าเมืองไก่นั่นแหละ ตั้งแต่นั้นมาไก่และชามตราไก่เลยถือเป็นสัญลักษณ์ประจำจังหวัดลำปางไปเลย
ไปต่อกันที่จังหวัดที่ 2
เมืองรองที่พักหลังๆ กลายมาเป็นเมืองยอดฮิตสำหรับนักท่องเที่ยวก็ต้องยกให้ที่นี่เลย แม่ฮ่องสอน ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองสามหมอก เนื่องจากภูมิประเทศที่มีภูเขาสูงสลับทับซ้อนกันอยู่เยอะมาก เลยมีหมอกปกคลุมตลอดทั้งปี ที่นี่มีสถานที่ฮิตๆหลายที่เลยนะ
ครั้งนี้มัทีวร์มั้ยขอพาทุกคนไปเที่ยว ‘ปางอุ๋ง’ แล้วกันนะ เพราะไปที่นี่แล้วมันดีมากกกก ฟังชื่อแล้วดูน่ารักละสิ ความหมายของชื่อก็น่ารักไม่แพ้กัน มันแปลได้ว่า ‘ที่พักกลางป่าที่มีแอ่งน้ำขนาดใหญ่’ นั่นเอง รู้ความหมายแล้วก็สัมผัสได้ถึงธรรมชาติที่โอบล้อมเราอยู่เลย ที่นี่เป็นจุดสำหรับตั้งแคมป์ปิ้งพักผ่อนกันได้นะ โดยเฉพาะตอนหน้าหนาว บอกเลยว่าเป็นไฮไลท์ของปางอุ๋งเลยล่ะ
ต่อมากับจังหวัดที่ 3
ถ้าพูดถึงเมืองรองในภาคเหนือ แต่ไม่พูดถึงน่านก็คงจะไม่ได้ น่านเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่มีสเน่ห์มากๆ เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยศิลปวัฒนธรรมที่โดดเด่น ธรรมชาติที่สวยและไม่เหมือนที่อื่น ความเรียบง่ายถือเป็นอีกสเน่ห์นึงของจังหวัดนี้เหมือนกัน วิถีชีวิตที่ค่อยเป็นค่อยไป ไม่เร่งรีบ ทำให้น่านเป็นเมืองเนิบๆ ที่อยากแนะนำให้ทุกคนไปให้ได้สักครั้งในชีวิต
เลยอยากพาทุกคนไปกันที่ บ้านสะปัน ที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ห่างจากอำเภอบ่อเกลือ ประมาณ 8 กิโลเมตรเท่านั้นเอง และภายในหมู่บ้านยังเต็มไปด้วยธรรมชาติของสีเขียวที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนอีกด้วย
อย่าเพิ่งคิดว่าบ้านสะปันจะไม่มีที่เที่ยวนะ ที่นี่มีทั้งน้ำตก จุดชมวิวทุ่งนาสวยๆในมุมท็อปบริเวณ ‘วัดสะปัน’ ซึ่งถ้าใครเป็นสายกางเต้นท์ ที่วัดสะปันเองก็มีลานกางเต้นท์ด้วย ส่วนใครที่เป็นสายกาแฟ ก๊อตแนะนำให้เราแวะไป อุ่นไอมาง ณ สะปัน กับคาเฟ่เล็กๆ บรรยากาศริมน้ำที่เราสามารถนั่งจิบกาแฟอร่อยๆ ได้แบบชิลๆ อีกด้วย
ลงมาจากเหนือแล้วไปตะลอนกันต่อที่ภาคตะวันออกกันเลยดีกว่านะกับจังหวัด
จังหวัดนี้นอกจากจะมีดีที่เดินทางได้ง่าย และใช้เวลาไม่นานแล้ว นครนายกเค้ายังเป็นเมืองรองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น ทุ่งหญ้า ภูเขา อ่างเก็บน้ำ วัด และอื่นๆ อีกเพียบ!
แอบกระซิบนิดนึงกับคนที่ชอบถ่ายภาพว่าให้ไปที่ ซุ้มไผ่ วัดจุฬาภรณ์วนาราม ขอบอกว่าสวยมากกก ทำบุญไหว้พระเสร็จแล้วแวะถ่ายรูปที่นี่ถือว่าคุ้มได้ฟิลเหมือนไปญี่ปุ่นเบาๆ จากหลายปีก่อนที่ก๊อตได้มาเที่ยวแล้วยังไม่ค่อยมีคนรู้จักเท่าไหร่ ตอนนี้ซุ้มไผ่ วัดจุฬาภรณ์วนาราม กลายเป็นที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของจังหวัดนครนายกไปเรียบร้อยแล้ว และอย่าลืมเลยก็คืออีกหนึ่งสถานที่ที่ใครๆก็ต้องรู้จักอย่าง เขื่อนขุนด่านปราการชล ที่พอพูดปุ๊บก็รู้ได้เลยว่าจะต้องได้สัมผัสวิวที่สวยงามอย่างแน่นอน
ออกจากนครไปต่อกันกับเมืองลิงจ๋อ
เชื่อเลยว่าถ้าพูดถึงลพบุรี หลายคนต้องนึกถึงลิงแน่นอน ที่นี่ไม่ได้มีแค่ลิงเยอะ ลิงดุ แต่เมืองรองอย่างลพบุรีนั้นเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ไทย เพราะเมืองละโว้ (ลพบุรีในปัจจุบันนั่นแหละ) เป็นเมืองหลวงที่ 2 รองจากกรุงศรีอยุธยาในสมัยนั้น นอกจากเรื่องประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจแล้ว ปัจจุบันเมืองรองอย่างลพบุรีนั้นก็น่าเที่ยวไม่แพ้ที่อื่นเลย แถมใกล้กรุงเทพอีกต่างหาก
นอกจากนี้ลพบุรีก็ยังมีร้านอาหาร ร้านกาแฟวิวสวยๆ อย่างร้าน ‘กระเพรา & Coffee (กระเพรา แอนด์ คอฟฟี่)’ ที่บอกได้เลยว่าถึงชื่อจะดูธรรมดา แต่ให้ดูบรรยากาศซะก่อน ที่นี่มีทุ่งดอกคอสมอสที่กว้างใหญ่มาก ไหนจะมีกระท่อมฝรั่งสำหรับให้ไปโพสท่าถ่ายรูปอีก ส่วนเรื่องอาหารก็ไม่ได้ธรรมดาเลยนะ รับรองว่าถูกปากแน่นอน!
แวะเลี้ยวออกไปทางภาคตะวันตกกันบ้าง เพื่อพบกับ
โดยมีทัวร์มั้ยจะพาทุกคนไปเที่ยวที่ ‘สวนผึ้ง’ กัน รู้ไหมว่าชื่อนี้ได้มาจากการที่มันมีต้นไม้ชนิดหนึ่ง ที่มีผึ้งเยอะมากๆมาทำรังบนต้น ชาวบ้านก็เลยเรียกกันว่า “ต้นผึ้ง” พอมันมีเยอะขึ้นๆ ก็เลยกลายมาเป็นสวนผึ้ง ก็เลยได้มาเป็นที่มาของชื่ออำเภอนี้
สวนผึ้งไม่ได้มีแค่ที่พักและคาเฟ่น่ารักๆ แต่มี ‘เขากระโจม’ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสุดเขตประเทศไทย เราจะสามารถมองเห็นทั้งฝั่งไทยและฝั่งพม่าได้ในเวลาเดียวกัน เพราะว่าพม่าอยู่ห่างจากจุดนี้แค่ 1.9 กิโลเมตรเท่านั้นเอง แต่ก็แอบกระซิบว่าถ้าใครจะมาควรจะมาช่วงปลายฝนต้นหนาว หรือช่วงกันยายน – ตุลาคม ดีที่สุด เพราะจะได้เห็นทะเลหมอกยามเช้าสุดจะฟิน!
อีกทีหนึ่งที่อยากแนะนำไปให้คือ ‘บ้านเทียนหอม’ เห็นใช้คำว่าบ้าน ไอเราก็คิดว่าจะเล็กๆ ที่ไหนได้ใหญ่โตมากเหมือนกันนะ ! ที่นี่ตกแต่งแบบวินเทจหน่อยๆ ฟิลเหมือนย้อนไปสมัยคุณพ่อคุณแม่ยังจีบกันใหม่ๆ มาที่นี่ที่เดียวถือว่าคุ้มมาก ไม่ต้องหาร้านแวะซื้ออะไรกลับไปฝากคนที่บ้านแล้ว ที่นี่ได้รวมร้านของที่ระลึก ร้านขนม ร้านกาแฟ และมุมถ่ายรูปมากมายไว้ในที่เดียวแล้ว
จังหวัดต่อไปเอาใจสายมูกันสักหน่อยดีกว่า กับ
นครศรีธรรมราช สายมูเตลูต้องรู้จักจังหวัดนี้แน่นอน แต่เดี๋ยวก่อน! เราไม่ได้จะพาทุกคนไปไหว้ไอ้ไข่หรอกนะ เพราะก๊อตจะพาทุกคนลงใต้มาเที่ยวนครศรีในมุมอื่นที่ไม่ใช่ไอ้ไข่บ้าง เห็นเป็นเมืองรองแบบนี้ใครจะเชื่อว่าเป็นจังหวัดที่มีประชากรและอำเภอมากที่สุดในภาคใต้ และพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองลงมาจากสุราษฎร์ธานี ยิ่งมีพื้นที่เยอะแบบนี้ แน่นอนว่าต้องมีสถานที่ท่องเที่ยวให้เราไปตามกันเยอะแน่ๆ
ายเที่ยวต้องรู้จัก 3 อำเภอดังของนครศรี คือ สิชล ขนอม และ พรหมคีรี แน่นอน! แต่วันนี้ก๊อตขอพาเที่ยวแค่อำเภอขนอมก่อนแล้วกันนะ ใครมาขนอมต้องมาถ่ายรูปที่ ‘ถนนพลายจำเริญ’ ถนนเส้นนี้ถือว่าเป็นถนนเส้นนึงที่สวยที่สุดในภาคใต้ และเป็นถนนยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวจะมาถ่ายรูปกันเยอะมาก (ใครจะไปก็ระวังความปลอดภัยกันด้วยนะ รถค่อนข้างเยอะและวิ่งเร็วมากๆ) หนีความวุ่นวายจากมุมถ่ายรูปยอดนิยมมาเป็นมุมสงบๆ ของ ‘หาดแหลมประทับ’ กันดีกว่า บอกได้คำเดียวว่าสงบมาก ไม่มีคนเลย ประหนึ่งว่าที่นี่เป็นหาดส่วนตัว
ติดตามพวกเรามีทัวร์มั้ยแบบใกล้ชิดกว่าใครได้ที่
https://www.facebook.com/metourmice
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก Hashcorner