ไหว้พระริมแม่น้ำจ้าพระยา วัดระฆังโฆสิตาราม
ไหว้พระริมแม่น้ำจ้าพระยา วัดระฆังโฆสิตาราม
มีทัวร์มั้ยเที่ยวกรุงเทพ ไหว้พระริมแม่น้ำจ้าพระยา วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร วัดสวยเก่าแก่

ในกรุงเทพฯ ของเรามีวัดสวย และวัดเก่าแก่มากมายค่ะ หนึ่งในวัดสำคัญของเส้นทาง ไหว้พระ 9 วัด ในกรุงเทพ นั้นก็คือ วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร วัดสวยเก่าแก่ในกรุงเทพฯ นั่นเอง อีกทั้งคนไทยเรายังมีคติความเชื่อที่ว่า การมาไหว้พระวัดระฆัง จะทำให้ มีคนนิยมชมชื่น มีชื่อเสียงโด่งดังตลอดปี อีกด้วย

การเดินทางของเราในวันนี้ก็คือ การไปขึ้นเรือข้ามฝากที่ ท่าช้าง เพื่อข้ามฟากไปลงที่ ท่าวัดระฆัง ค่ะ หรือใครจะขึ้นเรือด่วนเจ้าพระยาไปก็ได้ ที่ท่าเรือเราก็จะเห็นคนมาให้อาหารปลา และนกพิราบกันเยอะแยะเลย เอาล่ะ ตามเข้าไปด้านในกันดีกว่า

ภายในวัดระฆัง มีพระอุโบสถที่สวยงาม เป็นทรงแบบรัชกาลที่ 1 ประดิษฐาน หลวงพ่อยิ้มรับฟ้า เป็นพระประธานค่ะ โดยเป็นพระพุทธรูปเนื้อทองสำริด ปางสมาธิ  พระประธานองค์นี้ได้รับการยกย่องว่างดงามมาก ซึ่งครั้งหนึ่งในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จมาพระราชทานผ้ากฐิน ทรงมีพระราชดำรัสว่า “ไปวัดไหนไม่เหมือนมาวัดระฆัง พอเข้าประตูโบสถ์ พระประธานยิ้มรับฟ้าทุกที” จึงเป็นที่มาของชื่อพระประธานนั่นเอง

นอกจากนี้ ภายในอุโบสถยังมีภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังที่มีเรื่องราวของต่างๆ ของพระพุทธเจ้า เป็นภาพจิตรกรรมที่ได้รับการยกย่องว่าฝีมืองดงามมาก มีชีวิตชีวาอ่อนช้อย ซึ่งภาพเหล่านี้เขียนโดย พระวรรณวาดวิจิตร (ทอง จารุวิจิตร) จิตรกรเอกในสมัยรัชกาลที่ 6 ในพ.ศ. 2465 ในช่วงบูรณะวัดระฆังแห่งนี้นั่นเอง 

พระปรางค์ วัดระฆัง

ปูชนียสถานที่สำคัญอีกแห่งของวัดระฆังก็คือ พระปรางค์ วัดระฆัง ค่ะ ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระปรางค์ที่ทำถูกแบบแผนที่สุดในประเทศไทย สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 โดยทรงมีพระราชศรัทธาสร้างพระปรางค์ พระราชทานร่วมกุศลกับสมเด็จพระพี่นางพระองค์ใหญ่ (สมเด็จเจ้าฟ้าหญิง กรมพระเทพสุดาวดี) โดยเป็นพระปรางค์แบบ สถาปัตยกรรมรัตนโกสินทร์ยุคต้นที่งดงาม จนยึดถือเป็นแบบฉบับของพระปรางค์ที่สร้างในยุคต่อมานั่นเอง

หอพระไตรปิฎก

วัดระฆังโฆสิตารามมี หอพระไตรปิฎก ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามมาก เคยเป็นพระตำหนัก และหอประทับนั่งของ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ขณะทรงรับราชการในสมัยธนบุรี และโปรดเกล้าฯ ให้รื้อมาถวายวัด เมื่อเสด็จขึ้นครองราชสมบัติแล้วค่ะ ภายในมีตู้พระไตรปิฎกขนาดใหญ่เขียนลายรดน้ำ 2 ตู้ ประดิษฐานไว้ในหอด้านเหนือ 1 ตู้ หอด้านใต้ 1 ตู้ 

วัดระฆังโฆสิตาราม

วัดระฆังโฆสิตาราม มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมใช้ชื่อว่า วัดบางหว้าใหญ่ ค่ะ และต่อมา สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงยกให้เป็นพระอารามหลวง และเมื่อมีการขุดพบระฆังโบราณในเขตวัดในสมัยรัชกาลที่ 1 จึงถูกเรียกว่า วัดระฆัง ตั้งแต่นั้นมา อีกทั้งยังเป็นที่ประทับของ สมเด็จพระสังฆราช ในสมัยรัตนโกสินทร์ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นที่ประชุมสังคายนาพระไตรปิฎก ซึ่งอัญเชิญมาจากนครศรีธรรมราชขึ้นที่วัดนี้อีกด้วย

และเมื่อเอ่ยถึงวัดระฆังโฆสิตารามแห่งนี้ ก็ต้องนึกถึง คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) พระมหาเถระรูปสำคัญ ที่ได้รับความเคารพนับถืออย่างมากในประเทศไทย ซึ่งท่านเคยดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหารในสมัยรัชกาลที่ 4-5

สำหรับ พระคาถาชินบัญชร เป็นบทสวดมนต์ สันนิษฐานว่าพระเถระชาวล้านนาเป็นผู้แต่งขึ้น และเป็นพระคาถาสำคัญในพิธีกรรมตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา และได้ปรับปรุงแก้ไขให้สมบูรณ์ขึ้น โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ที่เชื่อว่าหากสวดกันเป็นประจำจะทำให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองนั่นเอง

หวังว่าหลายๆ คนที่ได้ผ่านมาบริเวณนี้คงจะแวะเวียนกันมากราบนมัสการสิ่งศักสิทธิ์ และชื่นชมสถาปัตยกรรมต่างๆ ภายในวัดได้อย่างอิ่มบุญอิ่มใจกันถ้วนหน้านะคะ

 

ตามติดเทรนด์เที่ยว อัพเดทที่เที่ยว

https://www.facebook.com/metourmice

 

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จากคุณเอิงเอย (Travel.trueid)