อิ่มบุญอิ่มใจไหว้พระ 9 วัด ลำปาง
อิ่มบุญอิ่มใจไหว้พระ 9 วัด ลำปาง
มีทัวร์มั้ยพาไปวัดสวย สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อิ่มบุญอิ่มใจไหว้พระ 9 วัด ลำปาง

ลำปาง เป็นอีกหนึ่งจังหวัดทาง ภาคเหนือ ที่มี วัดสวย สะท้อนให้เห็นถึงศิลปะโบราณของอารยธรรมล้านนาได้เป็นอย่างดี วันนี้มีทัวร์มั้ยเลยจะมาจัดทริป ไหว้พระ 9 วัด ลำปาง พาทุกคนทำบุญ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่บานคู่เมือง เขลางค์นคร มาเป็นเวลายาวนาน เพื่อเสริมสิริมงคลและสร้างบุญกุศลให้แก่ตนเองและครอบครัวค่ะ

1. วัดพระธาตุลำปางหลวง

วัดพระธาตุลำปางหลวง เป็นที่ประดิษฐานของ เจดีย์พระธาตุลำปางหลวง พระเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ ศิลปะแบบพุกาม-ล้านนา พระธาตุประจำปีเกิดของ ปีฉลู และเป็นที่ประดิษฐานของ พระแก้วดอนเต้า หรือ พระแก้วมรกต พระพุทธรูปปางสมาธิศิลปะล้านนาคู่บ้านคู่เมืองลำปางด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ก็ยังมี วิหารกู่พระเจ้าล้านทอง ที่สะท้อนให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมแบบพม่า เนื่องจากเคยได้รับการบูรณะครั้งใหญ่เมื่อปี พ.ศ. 2106 หลังจากที่เชียงใหม่ตกอยู่ในการปกครองของพม่าค่ะ ส่วนด้านในก็เป็นที่ประดิษฐานของ พระเจ้าล้านทอง พระพุทธรูปโบราณที่หล่อขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2019 นับเป็นวัดเก่าแก่ที่ผสมผสานศิลปะวัฒนธรรมที่หลากหลายออกมาได้อย่างลงตัว

2. วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม

ต่อมาคือ วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม อีกหนึ่งวัดเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 500 ปี ตั้งอยู่ใน อำเภอเมืองลำปาง นอกจากเป็นที่ประดิษฐานของ พระเจดีย์ที่บรรจุพระเกศาธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ยังเคยเป็นที่ประดิษฐานของ พระแก้วดอนเต้า อีกด้วย ด้านหน้ามีมณฑปยอดปราสาทศิลปะแบบพม่า ตกแต่งด้วยไม้แกะสลักและกระจกสี ด้านในประดิษฐาน พระบัวเข็ม พระพุทธรูปสำริดลงรักปิดทองศิลปะแบบพม่า รวมถึงพระพุทธรูปองค์อื่นๆ และรูปเหมือนพระเกจิอาจารย์ให้เข้าไปกราบไหว้สักการะด้วยเช่นกัน

3. วัดเจดีย์ซาวหลัง

จากการขุดพบพระพุทธรูปโบราณสมัยหริภุญชัยบริเวณองค์เจดีย์ใน วัดเจดีย์ซาวหลัง จึงสันนิษฐานได้ว่าวัดแห่งนี้มีอายุนาวนานกว่าพันปีมาแล้ว ส่วนที่มาของชื่อมาจากการที่ภายในวัดมีเจดีย์ทั้งหมด 20 องค์ ซึ่งในภาษาเหนือ “ซาว” แปลว่า 20 ส่วน “หลัง” แปลว่า องค์ จึงกลายมาเป็น วัดเจดีย์ซาวหลัง ค่ะ จากลักษณะของเจดีย์ที่มียอดสีทองอร่ามตั้งอยู่บนฐานสีขาว ก็บ่งบอกได้ว่าเจดีย์เหล่านี้ได้รับกลิ่นอายมาจากศิลปะพม่า โดยบนยอดของเจดีย์แต่ละองค์นั้น ชาวบ้านก็มีความเชื่อว่าเป็นที่บรรจุพระเกศาธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าค่ะ 

     นอกจากนี้ก็ยังมี พระพุทธรูปทันใจ พระพุทธรูปปางสมาธิศิลปะเชียงแสน ประดิษฐานอยู่ในพระวิหารหลังเล็กของ วัดเจดีย์ซาวหลัง อีกทั้งยังมีพระอุโบสถซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของ พระแสนแซ่ทองคำ พระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลปะสมัยล้านนา ที่ชาวบ้านขุดพบขึ้นในปี พ.ศ. 2526 และเป็นพระพุทธรูปทองคำองค์แรกที่ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณวัตถุแห่งชาติอีกด้วย

4. วัดศรีรองเมือง

วัดศรีรองเมือง เดิมชื่อ วัดท่าคะน้อยพม่า โดดเด่นด้วยพระวิหารไม้สักทอง สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ตัวพระวิหารมีหลังคาจั่วซ้อนกันเป็นชั้นๆ ซึ่งถอดรูปแบบสถาปัตยกรรมมาจากเมืองมัณฑเลย์ ประเทศพม่า อีกส่วนที่น่าสนใจคือ เสาที่อยู่ด้านในพระวิหารที่ตกแต่งด้วยกระจกสลับสีตั้งแต่โคนเสาจนถึงปลายเสา ทำให้เสาทุกต้นมีลวดลายที่วิจิตรบรรจง สวยงามมากๆ

5. วัดพระธาตุจอมปิง

สักการะพระธาตุสีทองอร่าม ศิลปะแบบล้านนาที่ วัดพระธาตุจอมปิง สร้างขึ้นในสมัย พระเจ้าติโลกราช แห่งราชอาณาจักรล้านนา จุดเด่นของวันแห่งนี้คือภาพเงาสะท้อนกลับหัวของพระธาตุที่ปรากฏขึ้นผ่านรูเล็กภายในอุโบสถตลอดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ซึ่งจัดแสดงโบราณวัตถุต่างๆ ที่ขุดพบบริเวณวัด เช่น เศษภาชนะเครื่องปั้นดินเผา เครื่องประดับทำจากสำริด ใบหอก และอื่นๆ อีกมากมาย

6. วัดศรีชุม

ต่อมาคือ วัดศรีชุม สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2436 โดย คหบดีชาวพม่าชื่อ อูโย ที่ติดตามชาวอังกฤษเข้ามาทำงานป่าไม้ในไทย หลังจากที่มีฐานะดีขึ้นก็ได้สร้าง วัดศรีชุม ขึ้นเพื่อเป็นการทำบุญ โดยพระวิหารของวัดแห่งนี้มีความวิจิตรงดงามมาก เป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะล้านนาและพม่าในรูปแบบครึ่งตึกครึ่งเรือนไม้ หลังคาเป็นเครื่องไม้ยอดแหลมแกะสลักด้วยลวดลายสวยงาม ด้านในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศิลปะแบบพม่า รวมถึงมีภาพจิตกรรมฝาหนังที่บอกเล่าเรื่องราวในพุทธประวัติ และภาพจำลองแผนผังของวัด

7. วัดไหล่หินหลวง

วัดไหล่หินหลวง หรือ วัดเสลารัตนปัพพตาราม เป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุหลายร้อยปี ทางกรมศิลปากรจึงขึ้นทะเบียนวัดแห่งนี้ให้เป็นโบราณสถานเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2523 สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับวัดแห่งนี้คือ แผนผังภายในวัดซึ่งจำลองจาก ภูมิจักรวาล โดยมีพระวิหารศิลปะแบบล้านนาไทยแท้ สร้างขึ้นโดยช่างเชียงตุง เปรียบเสมือน ชมพูทวีป องค์เจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุเปรียบเสมือน เขาพระสุเมรุ และลานทรายเปรียบเสมือน มหานทีสีทันดร

8. วัดปงยางคก

วัดปงยางคก เป็นที่ตั้งของ วิหารจามเทวี วิหารไม้โบราณที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1253 โดยฝีมือสกุลช่างลำปาง ด้านบนมีหลังคาซ้อนกัน 3 ชั้น ด้านล่างเปิดโล่ง ไม่มีประตูหรือหน้าต่าง มีเพียงผนังก่ออิฐฉาบปูนทึบสามด้านล้อมกู่พระเจ้าเอาไว้ ส่วนฐานพระวิหารนั้นยกขึ้นสูงจากพื้นดินประมาณหนึ่งฟุต ซึ่งมีการสันนิษฐานว่าฐานเดิมอาจมีความสูงมากกว่านี้ แต่เพราะในอดีตมีเหตุน้ำหลากเกิดขึ้นจึงทำให้ฐานพระวิหารทรุดลง แม้เวลาจะผ่านมากว่าพันปีแล้ว แต่ พระวิหารจามเทวี ที่ วัดปงยางคก ก็ยังคงปรากฏเค้าโครงที่สวยงามให้เราได้เห็นกันอยู่

9. วัดเฉลิมพระเกียรติฯ

ปิดท้ายด้วย วัดเฉลิมพระเกียรติฯ หรือ วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชาชานุสรณ์ สถานที่สุดอันซีนแห่งจังหวัดลำปางค่ะ วัดแห่งนี้ตั้งอยู่บน ดอยปู่ยักษ์ ซึ่งอยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าดอยพระบาท ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐาน รอยพระพุทธบาท และองค์เจดีย์ที่ตั้งอยู่ตามยอดเขา ก่อให้เกิดเป็นทัศนียภาพที่งดงามมากๆ  ซึ่งก่อนที่จะมีการสร้างวัดและทางขึ้นเขา การเดินทางขึ้นไปกราบไหว้รอยพระพุทธบาทนั้นยากลำบากเป็นอย่างมาก จนกระทั่งปี พ.ศ. 2547 หลวงพ่อไพบูลย์ สุมัคโล เจ้าอาวาสวัดอนาลโยทิพยาราม จังหวัดพะเยา ก็ได้มีมติให้สร้าง วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชาชานุสรณ์ ขึ้นในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พระราชสมภพครบ 200 ปี จึงเริ่มมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลขึ้นมากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และชมวิวสวยๆ บนดอย

 

ตามติดเทรนด์เที่ยว อัพเดทที่เที่ยว

https://www.facebook.com/metourmice

 

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก คุณSummerB (Travel.trueid)